The Lord of the Rings: The Return of the King (2003) มหาสงครามชิงพิภพ

None
The Lord of the Rings: The Return of the King ด้วยบทสรุปของไตรภาคอันถือได้ว่าเป็นหัวใจของบทประพันธ์โดย เจ.อาร์.อาร์. โทลเคียน (J.R.R. Tolkien - John Ronald Reuel Tolkien) ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และสัมพันธภาพ ผ่านความหาญกล้าของเหล่าพันธมิตรแห่งวงแหวน รวมถึงความมุ่งมั่น ที่แม้แต่ส่วนที่เล็กที่สุดของสังคมอย่างเรา ก็สามารถที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ด้วยการเดินทางของเหล่าพันธมิตรผู้กล้าแห่งวงแหวน กำลังจะถึงคราวสิ้นสุด พร้อมกับกองกำลังทมิฬแห่งดาร์คลอร์ดเซารอน ที่ตราทัพเข้าสู่ที่มั่นสุดท้าย ไมนาสติริธ ไม่มีครั้งใดที่อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ จะต้องการการกลับมาของราชันย์มากกว่าครั้งนี้ แต่ความสงสัยในโชตชะตาของ อารากอร์น กลับเป็นสิ่งที่กีดกั้นหนทางสู่ราชบัลลังก์ ด้านแกนดาล์ฟ (เอียน แมคเคลเลน) ได้พยายามรวบรวมไพร่พล และกองทัพที่แตกสลายขึ้นอีกครั้ง โดยร่วมกับทัพนักรบผู้กล้าของกษัตริย์ ธีโอเดน แห่งโรแฮน (เบอร์นาร์ด ฮิลล์) ทว่าความหาญกล้า และจงรักภักดีจะมากมายสักเพียงไร ก็มิอาจจะต้านทานทัพศัตรูร้าย ที่พรั่งพรูเข้าสู่อาณาจักรในครั้งนี้ได้ และยิ่งหนทางที่ใกล้เข้าสู่ Mount Doom มากขึ้นเท่าใด โฟรโด (อีไลจาห์ วู้ด) และ แซม (ฌอน แอสติน) ก็ยิ่งตกอยู่ในความลำบากมากขึ้นเท่านั้น อำนาจแห่งแหวนเริ่มส่งผลต่อทุกย่างก้าวที่เดินไป กัดกร่อนความเป็นตัวตนที่แท้จริงของโฟรโด ในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของแซมอีกด้วย และทุกชัยชนะที่ได้มาล้วนแลกด้วยการเสียสละ และแม้ว่าการสูญเสียจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด เหล่ากองทัพแห่งพันธมิตร ก็ยังคงเดินหน้าสู่สมรภูมิครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีปณิธานร่วมกัน ในการทำให้ ดาร์คลอร์ดเซารอน ไขว้เขว และสร้างโอกาสให้แก่โฟรโด ได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้สิ้นสุดลง และท่ามกลางการเดินทางฝ่าดินแดนฝ่ายศัตรูที่สุดแสนอันตราย โฟรโดจำต้องเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางทั้งสอง นั่นคือ แซม และกอลลั่ม (เสียงพากย์โดย แอนดี้ เซอร์คิส) มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน วงแหวนก็ยังคงทดสอบความสวามิภักดิ์ และมนุษยธรรมของเหล่าผู้กล้าแห่งตำนานต่อไป