The Nun (2018) เดอะ นัน
The Nun เป็นภาพยนตร์สยองขวัญของอเมริกา เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 2018 คอริน ฮาร์ดี (Corin Hardy) กำกับ แกรี ดูเบอร์แมน (Gary Dauberman) เขียนบทจากโครงเรื่องที่ตนเองร่วมแต่งขึ้นกับเจมส์ วาน (James Wan) นักแสดงนำ คือ เดเมียน บีชีร์ (Demián Bichir), ไทอิสซา ฟาร์มิกา (Taissa Farmiga), และโจนัส โบลเควต (Jonas Bloquet) เนื้อหาว่าด้วยนักบวชแคทอลิกรูปหนึ่งกับแม่ชีฝึกหัดอีกคนหนึ่งซึ่งพบเจอกับความลับดำมืดของศาสนจักรในโรมาเนียเมื่อ ค.ศ. 1952 ภาพยนตร์นี้เปิดกล้องในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2017 ที่บูชาเรสต์ โรมาเนีย และมีการเชิญนักบวชแคทอลิกมาปัดรังควาน ณ สถานที่ถ่ายทำ
เรื่องนี้เป็นภาคที่ห้าของภาพยนตร์ชุด เดอะคอนเจอริง (The Conjuring) สร้างต่อจาก คนเรียกผี 2 (The Conjuring 2) แต่เหตุการณ์ในเนื้อเรื่องมาก่อนภาพยนตร์ดังกล่าว วอร์เนอร์บรอสพิกเจอส์ (Warner Bros. Pictures) นำออกฉายในสหรัฐตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2018 ได้รับเสียงวิจารณ์คละกันไป คำชมอยู่ที่การแสดงและบรรยากาศในภาพยนตร์ ส่วนคำติอยู่ที่เนื้อเรื่องอ่อนและใส่ฉากให้สะดุ้งตกใจมากเกินไป กระนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่รายได้ เพราะทำเงินทั่วโลก 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนับเป็นภาพยนตร์ชุดเดอะคอนเจอริงที่มีรายได้มากสุด
เหตุการณ์ใน The Nun จะเป็นการบอกเล่าถึงจุดกำเนิดของปีศาจแม่ชีนาม “วาลัค” ซึ่งเคยปรากฏตัวอยู่ในภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring วาลัค เป็นร่างจำแลงของซาตานจากขุมนรก ผู้หมายที่จะยึดเอาร่างกายของมนุษย์ในโลกแห่งคนเป็น ตามคำอธิบายในหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์โบราณอย่าง Key of Solomon กล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นปีศาจในรูปร่างของกามเทพขี่มังกรสองหัว ที่มีพลังในการหาทรัพย์สมบัติ และนำพาวิญญาณร้ายมาสู่โลกมนุษย์ นอกจากนี้ วาลัค ยังสามารถจำแลงกายเป็นอะไรก็ได้ รวมไปถึงรูปลักษณ์ของแม่ชีในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นแม่ชีผู้มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศโรมาเนียที่เสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด รู้เพียงแค่ว่าเธอถูกอำนาจชั่วร้ายบางอย่างฆ่าตายเท่านั้น และเพราะความน่าสะพรึงกลัวนี้เองจึงทำให้ บาทหลวงบรู๊ค ต้องรีบเดินทางมายังโรมาเนียเพื่อสืบค้นคดีการตายดังกล่าว อันนำมาสู่เรื่องราวความสยองขวัญเกินกว่าที่ใครจะนึกถึง
เดอะ นัน มีกลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์สืบสวนเล็กน้อย ผสมกับความสยองขวัญในแบบฉบับของ The Conjuring ที่เน้นไปที่บรรยากาศ และเสียงประกอบ หนังในความน่ากลัวของปราสาทโบราณ สถานที่จริงที่ถูกทิ้งร้างในประเทศโรมาเนีย มารังสรรค์ความหลอนสะพรึงได้อย่างน่าสนใจ พร้อมทั้งใช้วัตถุดิบต่าง ๆ ภายในโบสถ์ เพื่อตั้งคำถามแสดงให้เห็นถึงการต่อรองระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า กับพลังดำมืดอันร้ายกาจของปีศาจจากขุมนรก