The Sword with No Name (2009) ดาบองครักษ์พิทักษ์จอมนาง
The Sword With No Name เรื่องราวความรักระหว่าง มูเมียว(โช ซังวู) ชายหนุ่มกำพร้าคนรับจ้างแจวเรือที่รับจ๊อบเป็นนักล่า หัวเงินรางวัล กับ แจยัง(ซู-เอ) หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กลายเป็นราชินีแห่งเกาหลีอยู่ รอมร่อ ซึ่งแน่นอนรักนี้ย่อมมีอุปสรรค แต่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อได้อยู่ใกล้ๆเธอ รวมถึงการหาทางเข้ามาเป็นองค์รักษ์หลวงด้วย ในขณะที่ผู้ที่เป็นราชินีเยี่ยงเธอนั้น มีภาระหน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวง จนอาจต้องยอมละทิ้งความปรารถนาแห่งหัวใจของตนไป ยิ่งในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองครุกรุ่นเช่นนี้ ที่แม้แต่ชีวิตของพระราชินียังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดอยู่ข้างเธอจนถึงที่สุด
ช่วงที่กษัตริย์เกาหลีแยกตัวและเริ่มปิดประเทศเพราะทางตะวันตกเริ่มเข้ามาเผยแพร่วัฒนธรรมผ่านนิกายทาคอลิค แดวอนกุนพ่อของกษัติย์โกจองได้เลือกเฟ้นหาหาพระชายาที่เหมาะสมให้กษัตริย์โกจองเพื่อสืบราชวงศ์ต่อซึ่งจายองก็คือผู้ที่ถูกเลือก ก่อนถูกส่งตัวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกจายองเกิดอยากไปเที่ยวทะเลเป็นครั้งสุดท้ายเลยว่าจ้างเรือของมูยองนักฆ่ารับจ้างที่ทำอาชีพคนเรือบังหน้าพาไปที่ทะเล พอไปถึงทะเลมูยองขอตามไปดูทะเลด้วย มูยองพาจายองเที่ยวจนมืด จายองจะจ่ายค่าจ้างแต่มูยองขอผ้าผูกผมของจายองเป็นค่าจ้างแทน ระหว่างนั้นจายอมถูกลอบทำร้ายมูยองช่วยปกป้องจายองจนได้รับบาดเจ็บ มูยองช่วยทำแผลให้ ต่อมาลีนอยจอนองครักษ์ที่แดวอนกุนส่งมารับตัวจายองกลับไป มูยองล่าเสือแล้วถลกหนังเอาไปฝากให้จายอง
มูยองถูกว่าจ้างให้ฆ่าจายอง มูยองไม่รับงานแต่ลักพาตัวจายองไป มูยองชวนจายองหนีไปด้วยกัน จายองยืนยันจะกลับไปเข้าพิธีอภิเษกกับพระราชาตามหน้าที่ ลีนอยจอนไปดวลกับมูยองแล้วสั่งไม่ให้มูยองไปเสนอหน้ากับพระชายาอีก พระราชาไม่ได้สนใจจายองหลงแต่สนมที่มีอยู่แล้ว มูยองไปสมัครเป็นองครักษ์กับแดวอนกุน แดวอนกุนทดสอบมูยองด้วยการให้สวมชุดเกราะกันกระสุนที่เพิ่งทำขึ้นมายังไม่เคยทดสอบมาก่อน มูยองยอมทดสอบจนได้เป็นทหารเพื่อจะได้พบกับจายอง
หนังเริ่มต้นมาในคราบของหนังรักเกาหลีหวานๆ ทั่วๆ ไป แต่ในทันทีที่ตัวนางเอกได้เป็นราชินีแล้ว และมีเรื่องการเมือง การช่วงชิงอำนาจ จากทั้งในวังเอง และจากประเทศเพื่อนบ้านที่พยายามครอบงำ เข้ามาเกี่ยว ก็ทำให้มีอะไรที่น่าสนใจขึ้นมาเยอะ ในขณะที่ฉากบู๊ ถึงจะไม่ค่อยมีเยอะ แต่ที่มีก็ทำออกมาในระดับที่น่าพอใจ ส่วนแกนหลักของเรื่องในเรื่องราวของความรัก ก็พอจะประทับใจได้อยู่ แม้จะมีฉากที่พยายามเค้นอารมณ์คนดูตามฟอร์มหนังเกาหลีพิมพ์นิยมอยู่ก็ตาม